Lost in Beijing เกมรักหักหลัง
Lost in Beijing หรือชื่อจีนว่า Ping Guo (ผิงกั่ว) ซึ่งเป็นชื่อตัวละครเอกของเรื่อง และชื่อไทย เกมรัก หักหลัง นำแสดงโดยดาราสาวชื่อดัง ฟ่าน ปิงปิง ผิงกั่ว สร้างโดยผู้กำกับหญิง ชื่อว่า หลี่ อี้ว์ ซึ่งนอกจากจะได้ ฟ่าน ปิงปิง แสดงนำแล้ว ยังมีนักแสดงอีกมากมายมาร่วมกันถ่ายทอดเรื่องราวชีวิตอันซับซ้อน อาทิ ถง ต้าเว่ย (แสดงเป็นอาคุน สามีของหลิว ผิงกั่วประกอบอาชีพเป็นช่างเช็ดกระจกตามตึกสูง) ดาราฮ่องกงมากประสบการณ์ เหลียง เจียฮุย (แสดงเป็นหลิน ตง เจ้าของร้านนวดเท้า) และ จิน เยี่ยนหลิง ดาราหญิงมากฝีมือชาวไต้หวัน (แสดงเป็นหวัง เม่ย ภรรยาของเจ้าของร้านนวด)
หนังเล่าถึงชีวิตของสองสามีภรรยาชาวตงเป่ย ผิงกั่ว และ อาคุน ที่อพยพมาหาเลี้ยงชีพในมหานครปักกิ่ง โดยผิงกั่วนั้นเป็นสาวสวยที่ได้งานในร้านนวดเท้าที่เปิดให้บริการอย่างกลาดเกลื่อนในประเทศจีน มีเจ้าของร้านเป็นชายวัยกลางคนจอม เจ้าชู้นาม หลิน ตงซึ่งมีภรรยาที่แต่งงานกันมานาน 10 กว่าปีแล้ว เรื่องราวเริ่มขึ้นเมื่อวันหนึ่ง ผิงกั่ว ถูกเจ้านายข่มขืนในร้านนวด
โดยที่อาคุนสามีของเธอนั้นบังเอิญเห็นเหตุการณ์เข้าขณะทำงานเช็ดกระจกอยู่ด้านนอกอาคุนจึงถือโอกาสนี้เรียกร้องเงินจากหลิน ตง เป็นค่าชดเชยความเสียหายทางจิตใจ จำนวน 20,000 หยวน
ในเวลาต่อมาผิงกั่วเกิดตั้งท้องโดยไม่ทราบว่าเด็กในท้องเป็นลูกของใครด้วยความละโมบ อาคุนจึงถือโอกาสนี้ ต่อรองขอเงินเพิ่มจากหลิน ตงเศรษฐีเจ้าของร้านนวดที่ซึ่งเดิมทีเบื้องลึกจิตใจก็มีรอยด่างอยู่แล้วเนื่องจากภรรยาที่แต่งงานกันมานานนับสิบปีไม่สามารถให้กำเนิดบุตรได้ในที่สุดทั้งสองฝ่ายก็ตกลงทำสัญญาเป็นลายลักษณ์อักษรระบุว่า ถ้าเด็กคลอดออกมาแล้วสามารถพิสูจน์แล้วว่าเป็นลูกของหลิน ตง เขาก็จะต้องจ่ายเงินจำนวน 100,000 หยวนเป็นค่าตอบแทนให้กับอาคุนและผิงกั่ว
ด้าน หลิน ตง และหวัง เม่ย สองสามีภรรยาที่ต้องการมีบุตรเพื่ออวดสถานะทางสังคมทั้งคู่ต่างก็ทำสัญญาเป็นทางการต่อกันว่า หากหลิน ตงนอกใจไปมีสัมพันธ์กับผิงกั่วอีกทั้งสองจะต้องหย่ากันโดยแบ่งทรัพย์สินกันคนละครึ่ง แต่ขณะเดียวกัน อานคุน กับ หวัง เม่ย ได้ไปมีสัมพันธ์ลึกซึ้งโดยที่ หลิน ตง และผิงกั่วไม่รู้เรื่อง อานคุน จึงเริ่มคิดกับตัวเองว่าเขาหลงเงินทองมากกว่าชีวิตของเมียและลูกเหมือนว่าเขากำลังขายลูกขายเมียเพื่อความสุขของตนเองท้ายที่สุดแล้วอานคุนกลับคิดได้ว่านั่น คือลูกของตน (จากผลพิสูจน์)
เขาจึงลักพาตัว เล่อเล่อ (ลูกชายของเขา) หนีกลับไปบ้านเกิดแต่ก็ไม่พ้นจากการติดตามของเจ้าหน้าที่หนังเลือกใช้การดำเนินเรื่องไปอย่างช้าๆ และพาให้ผู้ชมค่อยๆ จมดิ่งไปกับความสัมพันธ์อันซับซ้อนและซึมซับด้านที่หดหู่ของตัวละครจนเราอินไปกับเรื่องราวอีกทั้งบทภาพยนตร์ที่เขียนออกมาได้แนบเนียนสามารถสอดแทรกการกระทำและคำพูดต่างๆ ที่สะท้อนสิ่งที่เกิดขึ้นจริงในสังคมจีนให้เห็นอย่างแจ่มชัด
ตัวอย่างเช่นการทำธุรกรรมทุกอย่างในรูปแบบสัญญา แม้กระทั่งเรื่องส่วนตัวบ่งชี้ให้เห็นว่าในปัจจุบัน สังคมจีนกำลังประสบกับวิกฤติการณ์ของการขาดความไว้เนื้อเชื่อใจรวมถึงสภาวะของการขาดมโนสำนึกทางด้านคุณธรรม-จริยธรรมอย่างรุนแรงซึ่งนำมาสู่ปัญหาของการค้าประเวณี การทำแท้ง การทำผิดจริยธรรมทางวิชาชีพสังคมเงินเป็นใหญ่ สังคมที่ตีมูลค่าทุกสิ่งทุกอย่างเป็นตัวเงิน ฯลฯ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ถูกถ่ายทอดออกมาอย่างครบถ้วนในภาพยนตร์เรื่องนี้